NATURE SCHOOL

Nature School เดิมก่อตั้งขึ้นในนาม ชมรมธรรมชาติศึกษา โดยกลุ่มบุคคลผู้เห็นความสำคัญของธรรมชาติ ป่าไม้ และสิ่งแวดล้อม ที่จำเป็นต้องเร่งรักษาไว้ โดยมีเจตนารมณ์ในการให้ความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติแก่ประชาชน และกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่ควรได้รับการปลูกฝังความรักในธรรมชาติตั้งแต่ยังเยาว์วัย พวกเราเชื่อมั่นว่า เมื่อทุกคนได้เห็นความสำคัญของธรรมชาติ และสิ่งมีชีวิตต่างๆ รอบตัว ก็จะช่วยกันเป็นกำลังสำคัญ ในการรักษาดูแลธรรมชาติ ป่าไม้และสิ่งแวดล้อมเอาไว้

อ. ภคินี กิตติภิญโญวัฒน์ ผู้ก่อตั้ง Nature School อดีตรองผู้อำนวยการ ศูนย์บริการงานวิจัยและออกแบบ มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้า ธนบุรี และอาจารย์พิเศษให้กับมหาวิทยาลัยชั้นนำอีกหลายแห่ง ได้นำประสบการณ์การทำงานกับองค์กรระดับโลกอย่าง Wildlife Conservation Society (USA) และ Liberty Science Center (USA) รวมถึงพิพิธภัณฑ์อีกหลายแห่งในสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย มาใช้ในการสร้างหลักสูตรและสื่อการสอน ที่ทำให้การเรียนรู้เรื่องธรรมชาติเป็นเรื่องสนุก ช่วยให้คนรุ่นใหม่เห็นคุณค่าของธรรมชาติ และช่วยกันปกป้องดูแลรักษาให้คงอยู่ต่อไป

เพื่อแสดงเจตจำนงในการให้บริการแก่สังคม พวกเราได้นำ “ชมรมธรรมชาติศึกษา Nature School” เข้าจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ตั้งแต่ต้นปี 2564 ปัจจุบันคือ หจก ธรรมชาติศึกษา วิสาหกิจเพื่อสังคม โดยมีแผนงานที่ชัดเจนมาโดยตลอด ในการนำองค์กรเข้าร่วมเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมในปี 2565 จากการทำงานที่โปร่งใส มีจริยธรรมที่ดี มุ่งมั่นในการให้ความรู้เชิงอนุรักษ์ และแบ่งปันทรัพยากรให้กับชุมชนที่ขาดแคลน ทำให้ Nature School ได้รับแรงสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งจากทางภาครัฐและเอกชน ในการจัดกิจกรรมมาโดยตลอด และได้รับความสนใจอย่างมากมายจาก Social Media และประชาชนทั่วไป

ในปี 2566 Nature School ได้รับการคัดเลือกจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ให้เป็น 1 ใน 25 ดีพร้อมฮีโร่ ประจำปี พ.ศ. 2566 ซึ่งเป็นการการันตีในผลงานและความตั้งใจจริง ที่จะทำงานเพื่อพัฒนาสังคม

กิจกรรมต่างๆ ของ Nature School มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ในแง่มุมต่างๆ ของธรรมชาติ คุณค่าของป่าไม้ ประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและมนุษย์ และผลเสียที่จะเกิดขึ้นหากถูกทำลาย กิจกรรมของ Nature School จึงมุ่งเน้นการให้ความรู้ทั้งกับผู้ใหญ่และเยาวชน รวมถึงการเพิ่มโอกาสทางการศึกษาเรื่องธรรมชาติให้กับผู้พิการทางสายตาที่มักจะถูกมองข้ามความสำคัญอีกด้วย

ในการจัดกิจกรรมการศึกษาธรรมชาติ Nature School มุ่งเน้นการทำงานร่วมกันระหว่างประชาชน + ชาวบ้าน + ชุมชน + นักวิชาการ + Nature School + ธรรมชาติ

จากการทำงานร่วมกันนี้ ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายดังนี้

ประชาชน

ได้รับความรู้ที่เป็นประโยชน์ และกลายเป็นพลังส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์

ชาวบ้าน

ได้รับรายได้ผ่านทางการให้เช่าที่พัก การขายอาหาร การให้บริการการท่องเที่ยว

ชุมชน

ได้รับความสนใจ แก้ปัญหา และสนับสนุนกิจกรรม เกิดเป็นความรักความหวงแหน และต้องการที่จะปกป้องทรัพยากรธรรมชาติในชุมชนของตน

นักวิชาการ

ได้มีรายได้จากความรู้ ความชำนาญ และก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนในวงกว้าง

Nature School

ได้มีรายได้ในการดำเนินกิจการ และนำไปต่อยอดสร้างประโยชน์ได้มากขึ้น

ธรรมชาติ

ได้รับการปกป้องที่มากขึ้น จากความรู้ความเข้าใจของประชาชน

จากนโยบายการสร้างงานและแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันนี้ Nature School สามารถช่วยให้ธรรมชาติได้รับการดูแลและปกป้องยิ่งขึ้น และช่วยสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมของการเรียนรู้และพัฒนาแบบยั่งยืน